I watched "50 first dates" and I feel like I'm the forgetful Lucy . Where is my time??? where does my time go??? I feel like I've never done anything a day. I feel like I'm always waste my time but HOW???
I think I better write a diary hourly. I hope I will know where I do use my time. (Emmm... will it be another waste???)
Thursday, July 13, 2006
Tuesday, July 11, 2006
Friday, July 07, 2006
3D Animation Tutorial for FREE!!!
The topic seem like I'm lucky but it's not. They accept only 30 ppl and it's all FULL!!!. Anyway, I'm gonna go there tomorrow, there is an exibition about 3D animation.
let say I wanna be an animator!!!
let say I wanna be an animator!!!
I want to know you!!!
Does the phrase "I want to know you" means "I wanna have sex with you"???
I got an email saying that "I want to know you" yesterday. Today the same address ask me if I have a partner already... I was like...if you wanna have sex, find somewhere else!!!
I got an email saying that "I want to know you" yesterday. Today the same address ask me if I have a partner already... I was like...if you wanna have sex, find somewhere else!!!
Wednesday, July 05, 2006
Online TV
โมเดิร์นไนน์ - http://modernine.mcot.net/tv9_256k.asx
ช่องห้า - mms://203.144.136.82/live?WMContentBitrate=512000
ช่องเนชั่น - http://www.hispeedworld.com/nation/nationchannel.asx
ช่องห้า - mms://203.144.136.82/live?WMContentBitrate=512000
ช่องเนชั่น - http://www.hispeedworld.com/nation/nationchannel.asx
I will come back to this message when my computer is in organized
clicktoey@yahoo.com
clicktoey_fr@hotmail.com
www.comsoeasy.com
pun_narakkub@hotmail.com
ming9899@hotmail.com
clicktoey_fr@hotmail.com
www.comsoeasy.com
pun_narakkub@hotmail.com
ming9899@hotmail.com
Tuesday, July 04, 2006
เพื่อนสนิท
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศเดียวกันเสมอไป
เพียงแค่เป็นใคร ๆ ที่เปิดใจ…..พร้อมที่จะดูแลต้นไม้แห่งมิตรภาพ
ขณะที่ยอมรับว่าความสนิทสนมของเพื่อนต่างเพศกันนั้น…..ย่อมมีกฎบางอย่างที่เรา
ต้องเคารพ และมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถสนิทสนมกันได้มากเท่ากับเพื่อนเพศเดียวกัน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้นเสมอยามที่ฉันต้องการ…..
เพียงแค่อยู่ในความทรงจำ…..เอาไว้ให้นึกถึงมาเป็นกำลังใจในการก้าวต่อไป
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องพบกันเป็นประจำ…..เพียงแค่ฉันมองจากภาพถ่าย…
แล้วความทรงจำต่างๆระหว่างเราก็จะทำให้ฉันมีความสุข…..ยิ้มหรือหัวเราะได้
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องโทรคุยกันทุกวัน…..เพียงแค่เมื่อเวลาผ่านไปแสนนาน…..
เมื่อได้มีโอกาสโทรหากันอีกครั้ง…..เรายังสามารถมีเรื่องราวมาแบ่งปันแก่กันและกันได้เหมือนวันก่อน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ ….
เพียงแค่ในวันที่เราได้กลับมาทานข้าวด้วยกันอีกครั้ง…..แม้จะมีช่วงเวลาของความเงียบ…..
ในความเงียบงันนั้นก็จะเป็นเวลาที่เราซึมซับในตัวตนของกันและกัน…..
ตระหนักว่ากาลเวลาแม้จะทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป…..แต่มิตรภาพระหว่างเรายังคงอยู่
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นจะต้องหาโอกาสมาทำกิจกรรมต่างๆ
ร่วมกันทุกครั้งที่เรามีเวลาว่าง…..เพียงแค่ยามที่ต่างคนต่างทำกิจกรรมกับคนอื่นอยู่นั้น…..
ยังนึกถึงกันและกันบางหนที่กิจกรรมนั้น ๆ
เป็นกิจกรรมที่รู้ว่าเราคนใดคนหนึ่งชอบหรือมีความถนัดเป็นพิเศษ
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องชอบสิ่งใด ๆ ก็ตามเหมือนกัน…..
เพียงแค่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง…..
เราจะเลือกโดยใช้เหตุผลของความเป็นเพื่อน…..ทำให้สามารถพอใจกันทั้งสองฝ่าย
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสำคัญในกลุ่มคนหมู่มาก…..
เพียงแค่เป็นคนสำคัญ…..ในใจของฉัน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องมีฉันเป็นเพื่อนเพียงผู้เดียว…..
เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันมั่นใจในความเป็นเพื่อนระหว่างเรามาก…..
มากจนไม่มีการระแวงหรือการน้อยใจใด ๆ …..
หากเพื่อนสนิทของฉันจะไปใช้เวลากับคนอื่นๆในชีวิต…..
มากกว่าที่ใช้เวลากับฉัน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ใกล้กัน…..
เพียงแค่เมื่ออยู่ไกลกัน…..เรายังคงนึกถึงกันและกันในบางเวลา
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องทุกอย่างของกันและกัน…..
เพียงแค่รู้เรื่องทุกอย่างที่เราตัดสินใจแล้วว่าจะนำมาแบ่งปันซึ่งกันและกัน….
แม้ว่าเรื่องนั้น…..จะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในเรื่องราวชีวิตอันมากมายมหาศาลของเราก็ตาม
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องทนนิสัยทั้งหมดของฉัน…..
เพียงแค่บอกฉันให้ปรับปรุงตัว…..และพร้อมที่จะรับฟังในสิ่งที่ฉันอธิบายหรือบอกให้ปรับปรุงตัวบ้าง
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนใครๆ
ด้วยหวังว่าจะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น…..เพียงแค่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เป็นเมื่อเราคบกันในตอนแรก…..ก็ดีที่สุดแล้ว
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องเป็นเพื่อนสนิทของเขา…..
เพราะคนเราต้องมีบ้างที่คิดไม่เหมือนกัน…..
เพียงแค่อยากให้พวกเขารับรู้ในมิตรภาพที่ฉันมีให้…..
แม้ไม่มากพอที่จะมีค่าสำหรับเขา…..
แต่มันมีค่าเหลือเกินสำหรับตัวฉันที่เต็มใจจะมอบให้
ป.ล. คิดถึงว่ะ เพื่อนรัก
เพียงแค่เป็นใคร ๆ ที่เปิดใจ…..พร้อมที่จะดูแลต้นไม้แห่งมิตรภาพ
ขณะที่ยอมรับว่าความสนิทสนมของเพื่อนต่างเพศกันนั้น…..ย่อมมีกฎบางอย่างที่เรา
ต้องเคารพ และมีข้อจำกัดบางอย่างที่ทำให้เราไม่สามารถสนิทสนมกันได้มากเท่ากับเพื่อนเพศเดียวกัน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงนั้นเสมอยามที่ฉันต้องการ…..
เพียงแค่อยู่ในความทรงจำ…..เอาไว้ให้นึกถึงมาเป็นกำลังใจในการก้าวต่อไป
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องพบกันเป็นประจำ…..เพียงแค่ฉันมองจากภาพถ่าย…
แล้วความทรงจำต่างๆระหว่างเราก็จะทำให้ฉันมีความสุข…..ยิ้มหรือหัวเราะได้
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องโทรคุยกันทุกวัน…..เพียงแค่เมื่อเวลาผ่านไปแสนนาน…..
เมื่อได้มีโอกาสโทรหากันอีกครั้ง…..เรายังสามารถมีเรื่องราวมาแบ่งปันแก่กันและกันได้เหมือนวันก่อน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ ….
เพียงแค่ในวันที่เราได้กลับมาทานข้าวด้วยกันอีกครั้ง…..แม้จะมีช่วงเวลาของความเงียบ…..
ในความเงียบงันนั้นก็จะเป็นเวลาที่เราซึมซับในตัวตนของกันและกัน…..
ตระหนักว่ากาลเวลาแม้จะทำให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป…..แต่มิตรภาพระหว่างเรายังคงอยู่
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นจะต้องหาโอกาสมาทำกิจกรรมต่างๆ
ร่วมกันทุกครั้งที่เรามีเวลาว่าง…..เพียงแค่ยามที่ต่างคนต่างทำกิจกรรมกับคนอื่นอยู่นั้น…..
ยังนึกถึงกันและกันบางหนที่กิจกรรมนั้น ๆ
เป็นกิจกรรมที่รู้ว่าเราคนใดคนหนึ่งชอบหรือมีความถนัดเป็นพิเศษ
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องชอบสิ่งใด ๆ ก็ตามเหมือนกัน…..
เพียงแค่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง…..
เราจะเลือกโดยใช้เหตุผลของความเป็นเพื่อน…..ทำให้สามารถพอใจกันทั้งสองฝ่าย
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสำคัญในกลุ่มคนหมู่มาก…..
เพียงแค่เป็นคนสำคัญ…..ในใจของฉัน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องมีฉันเป็นเพื่อนเพียงผู้เดียว…..
เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันมั่นใจในความเป็นเพื่อนระหว่างเรามาก…..
มากจนไม่มีการระแวงหรือการน้อยใจใด ๆ …..
หากเพื่อนสนิทของฉันจะไปใช้เวลากับคนอื่นๆในชีวิต…..
มากกว่าที่ใช้เวลากับฉัน
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ใกล้กัน…..
เพียงแค่เมื่ออยู่ไกลกัน…..เรายังคงนึกถึงกันและกันในบางเวลา
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องทุกอย่างของกันและกัน…..
เพียงแค่รู้เรื่องทุกอย่างที่เราตัดสินใจแล้วว่าจะนำมาแบ่งปันซึ่งกันและกัน….
แม้ว่าเรื่องนั้น…..จะเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งในเรื่องราวชีวิตอันมากมายมหาศาลของเราก็ตาม
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องทนนิสัยทั้งหมดของฉัน…..
เพียงแค่บอกฉันให้ปรับปรุงตัว…..และพร้อมที่จะรับฟังในสิ่งที่ฉันอธิบายหรือบอกให้ปรับปรุงตัวบ้าง
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เหมือนใครๆ
ด้วยหวังว่าจะทำให้ตัวเองดูดีขึ้น…..เพียงแค่เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เป็นเมื่อเราคบกันในตอนแรก…..ก็ดีที่สุดแล้ว
> เพื่อนสนิทของฉัน…..ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องเป็นเพื่อนสนิทของเขา…..
เพราะคนเราต้องมีบ้างที่คิดไม่เหมือนกัน…..
เพียงแค่อยากให้พวกเขารับรู้ในมิตรภาพที่ฉันมีให้…..
แม้ไม่มากพอที่จะมีค่าสำหรับเขา…..
แต่มันมีค่าเหลือเกินสำหรับตัวฉันที่เต็มใจจะมอบให้
ป.ล. คิดถึงว่ะ เพื่อนรัก
Phrases for living.
- I love you not for whom you are, but who I am when I’m by your side.
- No person deserves your tears, and who deserves them won’t make you cry.
- Just because someone doesn’t love you as you wish, it doesn’t mean you’re not loved with all his/her being.
- A true friend is the one who holds your hand and touches your heart.
- The worst way to miss someone is to be seated by his/her side and know you’ll never have him/her.
- Never stop smiling, not even when you’re sad, someone might fall in love with your smile.
- You may only be a person in this world, but for someone, you’re the world.
- Don’t spend time with someone who doesn’t care spending it with you.
- Maybe God wants you to meet many wrong people before you meet the right one, so when this happens, you’ll be thankfull.
- Don’t cry because it came to an end. Smile because it happened.
- There will always be people who’ll hurt you, so you need to continue trusting, just be carefull.
- Become a better person and be sure to know who you are before meeting someone new and hoping that person knows who you are.
- Don’t struggle so much, best things happen when not expected.
EVERYTHING THAT HAPPENS HAS A REASON BEHIND
- No person deserves your tears, and who deserves them won’t make you cry.
- Just because someone doesn’t love you as you wish, it doesn’t mean you’re not loved with all his/her being.
- A true friend is the one who holds your hand and touches your heart.
- The worst way to miss someone is to be seated by his/her side and know you’ll never have him/her.
- Never stop smiling, not even when you’re sad, someone might fall in love with your smile.
- You may only be a person in this world, but for someone, you’re the world.
- Don’t spend time with someone who doesn’t care spending it with you.
- Maybe God wants you to meet many wrong people before you meet the right one, so when this happens, you’ll be thankfull.
- Don’t cry because it came to an end. Smile because it happened.
- There will always be people who’ll hurt you, so you need to continue trusting, just be carefull.
- Become a better person and be sure to know who you are before meeting someone new and hoping that person knows who you are.
- Don’t struggle so much, best things happen when not expected.
EVERYTHING THAT HAPPENS HAS A REASON BEHIND
Joke01
โทรเลขถึงแม่
"ขอเงินซื้อชุดใหม่ ชุดที่มีใส่เที่ยวกับแฟนครบหมดแล้ว" จากลูก
โทรเลขถึงลูก
"หาแฟนใหม่ ใส่ชุดเดิม" จากแม่
(เออ จริงด้วย..ฮิๆๆ)
================================
หมอแนะนำคนไข้นอนไม่หลับว่า "พอเอนหลังลงนอน ก็เริ่มนับไปเรื่อยๆ"
"เคยทำแล้วครับแต่ไม่ได้ผล คือว่าผมเป็นนักมวยเก่า
พอนับถึงเก้าก็สะดุ้งตื่นทุกที">
================================
"ขอนัดคุณหมอหน่อยครับ หมู่นี้ผมหน้ามืดบ่อยๆ
ไม่รู้มีปัญหาเรื่องความดันหรือเปล่า"
"วันศุกร์หน้าบ่ายสองนะคะ"
"นานยังงั้นเชียวหรือ ขอเป็นวันสองวันนี้ไม่ได้หรือ"
"ไม่ได้จริงๆค่ะ คิวแน่นมากเลยค่ะ ต่อให้มีคนยกเลิกนัด
อย่างมากก็เร็วขึ้นวันสองวันเองค่ะ"
"ง้านเลยเรอะ... เออ...
แล้วนี้ถ้าเกิดผมตายก่อนจะถึงวันนัดจะทำไงดีฮึ"
"กรุณาโทรมาแจ้งด้วยนะ คะ จะได้เลื่อนคิวคนข้างหลังมา
แทนคุณได้ค่ะ!!!"
"......"
(อย่างเอ๋อ ฮ่ะๆๆๆ)
===============================
ชายหนุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ พบเรื่องของนักแสดงสาวสวย
แต่งงานกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ไอคิวต่ำเหลือหลาย
เขาจึงหันไปพูดกับภรรยาว่า “ทำไมผู้ชา ยโง่ๆ ถึงได้เมียสวยนะ"
“จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ขอบคุณนะที่ชม ” ภรรยากล่า! ว
===============================
“พ่อครับๆ ”ลูกชายตะโกนจากในสวน “รถถูกขโมย ” >“เห็นไหมว่าใครเอาไป”
“เห็นครับ ”
“จำหน้าได้ไหม ”
“จำไม่ได้ แต่ผมจดทะเบียนรถเราไว้แล้ว ”
===============================
“แม่คะ หนูตัดสินใจแล้วว่า! จะไม่แต่งงานกับจอห์น ”
“อ้าว ทำไมล่ะลูก ”แม่ถามด้วยความประหลาดใจ
“หนูเพิ่งรู้ว่าเขาไม่นับถือศาสนาอะไรเลยและไม่เชื่อว่า
มีนรกด้วย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก แต่งงานกับเขาเถอะ
เพราะอยู่กินกันไปเขาก็จะรู้เองว่านรกมีจริง ”
============================== =
คู่แต่งงานใหม่เพิ่งจะถูกส่งตัวเข้าห้องหอ
"น้องมีเรื่องจะสารภาพค่ะ" เจ้าสาวหมาดๆบอก
"น้อง เคยผ่านผู้ชายมาแล้ว"
"ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจ" เจ้าบ่าวหมาดๆปลอบ
"พี่ก็เคยผ่านผู้ชายมาแล้วเหมือนกัน..."
"ขอเงินซื้อชุดใหม่ ชุดที่มีใส่เที่ยวกับแฟนครบหมดแล้ว" จากลูก
โทรเลขถึงลูก
"หาแฟนใหม่ ใส่ชุดเดิม" จากแม่
(เออ จริงด้วย..ฮิๆๆ)
================================
หมอแนะนำคนไข้นอนไม่หลับว่า "พอเอนหลังลงนอน ก็เริ่มนับไปเรื่อยๆ"
"เคยทำแล้วครับแต่ไม่ได้ผล คือว่าผมเป็นนักมวยเก่า
พอนับถึงเก้าก็สะดุ้งตื่นทุกที">
================================
"ขอนัดคุณหมอหน่อยครับ หมู่นี้ผมหน้ามืดบ่อยๆ
ไม่รู้มีปัญหาเรื่องความดันหรือเปล่า"
"วันศุกร์หน้าบ่ายสองนะคะ"
"นานยังงั้นเชียวหรือ ขอเป็นวันสองวันนี้ไม่ได้หรือ"
"ไม่ได้จริงๆค่ะ คิวแน่นมากเลยค่ะ ต่อให้มีคนยกเลิกนัด
อย่างมากก็เร็วขึ้นวันสองวันเองค่ะ"
"ง้านเลยเรอะ... เออ...
แล้วนี้ถ้าเกิดผมตายก่อนจะถึงวันนัดจะทำไงดีฮึ"
"กรุณาโทรมาแจ้งด้วยนะ คะ จะได้เลื่อนคิวคนข้างหลังมา
แทนคุณได้ค่ะ!!!"
"......"
(อย่างเอ๋อ ฮ่ะๆๆๆ)
===============================
ชายหนุ่มอ่านหนังสือพิมพ์ พบเรื่องของนักแสดงสาวสวย
แต่งงานกับนักกีฬาที่มีชื่อเสียงโด่งดังแต่ไอคิวต่ำเหลือหลาย
เขาจึงหันไปพูดกับภรรยาว่า “ทำไมผู้ชา ยโง่ๆ ถึงได้เมียสวยนะ"
“จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ แต่ขอบคุณนะที่ชม ” ภรรยากล่า! ว
===============================
“พ่อครับๆ ”ลูกชายตะโกนจากในสวน “รถถูกขโมย ” >“เห็นไหมว่าใครเอาไป”
“เห็นครับ ”
“จำหน้าได้ไหม ”
“จำไม่ได้ แต่ผมจดทะเบียนรถเราไว้แล้ว ”
===============================
“แม่คะ หนูตัดสินใจแล้วว่า! จะไม่แต่งงานกับจอห์น ”
“อ้าว ทำไมล่ะลูก ”แม่ถามด้วยความประหลาดใจ
“หนูเพิ่งรู้ว่าเขาไม่นับถือศาสนาอะไรเลยและไม่เชื่อว่า
มีนรกด้วย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกลูก แต่งงานกับเขาเถอะ
เพราะอยู่กินกันไปเขาก็จะรู้เองว่านรกมีจริง ”
============================== =
คู่แต่งงานใหม่เพิ่งจะถูกส่งตัวเข้าห้องหอ
"น้องมีเรื่องจะสารภาพค่ะ" เจ้าสาวหมาดๆบอก
"น้อง เคยผ่านผู้ชายมาแล้ว"
"ไม่เป็นไรหรอกพี่เข้าใจ" เจ้าบ่าวหมาดๆปลอบ
"พี่ก็เคยผ่านผู้ชายมาแล้วเหมือนกัน..."
Good thought
ศาสตราจารย์ที่สอนวิชาปรัชญายืนอยู่หน้าชั้นพร้อมของหลายอย่างวางอยู่บนโต๊ะ
เมื่อชั้นเรียนเริ่มขึ้นท่านศ.(เรียกง่ายๆแล้วกันนะคะ)ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง
จัดแจงหยิบขวดโหลมายองเนสที่ว่างเปล่าขึ้นมาหนึ่งใบแล้วก็เอาลูกกอล์ฟหย่อนใส่ไปจนเต็ม จากนั้นก็ถามนักเรียนว่าขวดโหลเต็มหรือยัง
ทุกคนยอมรับว่าเต็มแล้ว
ท่านศ.ก็หยิบกล่องก้อนกรวดขึ้นมาแล้วเทใส่ลงไปในโหลพร้อมเขย่าเบาๆ ก้อนกรวดก็หล่นไปยังบริเวณช่องว่างระหว่างลูกกอล์ฟ
จากนั้นท่านศ.ก็ถามอีกครั้งว่าโหลเต็มแล้วยัง
พวกนักเรียนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ท่านศ.หยิบกล่องใส่ทรายขึ้นมาแล้วเททรายลงไปในโหลใบนั้น
แน่นอนเมล็ดทรายเหล่านั้นก็ไปเติมช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอยู่จนเต็ม
ท่านศ.จึงถามนักเรียนอีกครั้งว่าคราวนี้ล่ะขวดโหลเต็มแล้วหรือยัง
ทั้งชั้นเรียนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เต็มแล้ว"
ท่านศ.ของเราก็เอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟจากใต้โต๊ะมา 2 ถ้วย แล้วจัดแจงรินลงไปในขวด
ซึ่งแน่ละว่าน้ำกาแฟไหลไปตามช่องว่างระหว่างเมล็ดทรายจนเต็ม
พวกนักเรียนพากันส่งเสียงหัวเราะ
เมื่อเสียงหัวเราะค่อยเลือนหาย ท่านศ.ก็เอ่ยขึ้นว่า
"เอาละ...ครูขอให้พวกเธอนึกเสมอว่า ขวดโหลนี้เปรียบได้กับชีวิตของพวกเธอ
ลูกกอล์ฟเป็นเสมือนสิ่งที่สำคัญที่สุดอันได้แก่ พระเจ้า, ครอบครัว, ลูกๆ, สุขภาพของเธอ, เพื่อนๆ และสิ่งโปรด สิ่งที่เหลืออยู่อันจะทำให้ชีวิตเธอยังมีความหมายแม้ได้สูญเสียสิ่งอื่นๆไปทั้งหมด
ก้อนกรวดได้แก่สิ่งสำคัญอื่นๆ เช่น การงาน, บ้านพักอาศัย และ รถยนต์
ทรายหมายถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ"
"ถ้าเธอเติมโหลด้วยทรายก่อน ก็จะไม่เหลือที่ให้เติมก้อนกรวดหรือลูกกอล์ฟ ฉันใดฉันนั้น ชีวิตก็เช่นกัน
ถ้าเธอใช้เวลาและพลังงานทั้งหมดของเธอไปกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
เธอก็จะไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่สำคัญต่อตัวเธอ
จงใส่ใจกับสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อความสุขของเธอ เล่นกับพวกลูกๆ
หาเวลาไปตรวจสุขภาพ พาแฟนไปกินอาหารนอกบ้าน เล่นกีฬาสุดโปรด
เวลาที่จะทำความสะอาดบ้านหรือซ่อมแซมสิ่งของยังมีอยู่เสมอ"
"ดูแลลูกกอล์ฟก่อนสิ่งใด, เอาใจใส่สิ่งที่สำคัญก่อน
จัดลำดับความสำคัญให้ได้ก่อน ที่เหลือเป็นเพียงเมล็ดทราย"
นักเรียนคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วถามว่ากาแฟหมายถึงอะไร ท่านศ.ยิ้มพราย
"ครูดีใจที่เธอถาม มันเพียงแต่แสดงให้เห็นว่า
ไม่ว่าชีวิตเธอจะดูแน่นเอียดเพียงใดก็ตาม...ยังมีที่ว่างพอเสมอสำหรับดื่มกาแฟกับเพื่อน"
เมื่อชั้นเรียนเริ่มขึ้นท่านศ.(เรียกง่ายๆแล้วกันนะคะ)ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง
จัดแจงหยิบขวดโหลมายองเนสที่ว่างเปล่าขึ้นมาหนึ่งใบแล้วก็เอาลูกกอล์ฟหย่อนใส่ไปจนเต็ม จากนั้นก็ถามนักเรียนว่าขวดโหลเต็มหรือยัง
ทุกคนยอมรับว่าเต็มแล้ว
ท่านศ.ก็หยิบกล่องก้อนกรวดขึ้นมาแล้วเทใส่ลงไปในโหลพร้อมเขย่าเบาๆ ก้อนกรวดก็หล่นไปยังบริเวณช่องว่างระหว่างลูกกอล์ฟ
จากนั้นท่านศ.ก็ถามอีกครั้งว่าโหลเต็มแล้วยัง
พวกนักเรียนก็พยักหน้าเห็นด้วย
ท่านศ.หยิบกล่องใส่ทรายขึ้นมาแล้วเททรายลงไปในโหลใบนั้น
แน่นอนเมล็ดทรายเหล่านั้นก็ไปเติมช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอยู่จนเต็ม
ท่านศ.จึงถามนักเรียนอีกครั้งว่าคราวนี้ล่ะขวดโหลเต็มแล้วหรือยัง
ทั้งชั้นเรียนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "เต็มแล้ว"
ท่านศ.ของเราก็เอื้อมไปหยิบถ้วยกาแฟจากใต้โต๊ะมา 2 ถ้วย แล้วจัดแจงรินลงไปในขวด
ซึ่งแน่ละว่าน้ำกาแฟไหลไปตามช่องว่างระหว่างเมล็ดทรายจนเต็ม
พวกนักเรียนพากันส่งเสียงหัวเราะ
เมื่อเสียงหัวเราะค่อยเลือนหาย ท่านศ.ก็เอ่ยขึ้นว่า
"เอาละ...ครูขอให้พวกเธอนึกเสมอว่า ขวดโหลนี้เปรียบได้กับชีวิตของพวกเธอ
ลูกกอล์ฟเป็นเสมือนสิ่งที่สำคัญที่สุดอันได้แก่ พระเจ้า, ครอบครัว, ลูกๆ, สุขภาพของเธอ, เพื่อนๆ และสิ่งโปรด สิ่งที่เหลืออยู่อันจะทำให้ชีวิตเธอยังมีความหมายแม้ได้สูญเสียสิ่งอื่นๆไปทั้งหมด
ก้อนกรวดได้แก่สิ่งสำคัญอื่นๆ เช่น การงาน, บ้านพักอาศัย และ รถยนต์
ทรายหมายถึงสิ่งเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ"
"ถ้าเธอเติมโหลด้วยทรายก่อน ก็จะไม่เหลือที่ให้เติมก้อนกรวดหรือลูกกอล์ฟ ฉันใดฉันนั้น ชีวิตก็เช่นกัน
ถ้าเธอใช้เวลาและพลังงานทั้งหมดของเธอไปกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
เธอก็จะไม่มีเวลาให้กับสิ่งที่สำคัญต่อตัวเธอ
จงใส่ใจกับสิ่งที่สำคัญยิ่งต่อความสุขของเธอ เล่นกับพวกลูกๆ
หาเวลาไปตรวจสุขภาพ พาแฟนไปกินอาหารนอกบ้าน เล่นกีฬาสุดโปรด
เวลาที่จะทำความสะอาดบ้านหรือซ่อมแซมสิ่งของยังมีอยู่เสมอ"
"ดูแลลูกกอล์ฟก่อนสิ่งใด, เอาใจใส่สิ่งที่สำคัญก่อน
จัดลำดับความสำคัญให้ได้ก่อน ที่เหลือเป็นเพียงเมล็ดทราย"
นักเรียนคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วถามว่ากาแฟหมายถึงอะไร ท่านศ.ยิ้มพราย
"ครูดีใจที่เธอถาม มันเพียงแต่แสดงให้เห็นว่า
ไม่ว่าชีวิตเธอจะดูแน่นเอียดเพียงใดก็ตาม...ยังมีที่ว่างพอเสมอสำหรับดื่มกาแฟกับเพื่อน"
Friend' definition
“ เพื่อน ” คุณรู้จักคำๆนี้มากแค่ไหนกัน - - - คุณจะตอบว่าอย่างไร
*เพื่อน....มีเยอะแยะ พึ่งไปเที่ยวด้วยกันมาเองสนุก เฮฮาตามประสา.....
*เพื่อน....ก็เจอกันแทบทุกวันแหละ ตอนไปโรงเรียน/ที่ทำงานไง
*เพื่อน....นี่ไง อยู่ข้างบ้านนี่ก็ใช่
*เพื่อน....แช็ตกันทุกวันแหละ หาง่ายออก
*เพื่อน....เมื่อกี้ก็เพิ่งรู้จักมาคนนึง
*เพื่อน....ก็เพื่อนทุกคนแหละที่รู้จักกัน
นั่นอาจจะคือเพื่อนสำหรับใครบางคน แต่เพื่อนสำหรับบางคนมีความหมายมากกว่านั้น เพื่อนแท้....เพื่อนที่จริงใจของเราสักคนมันหาได้ยากแค่ไหนใครรู้บ้าง แต่คงไม่หาได้ง่ายตามข้างทาง หรือเก็บตกได้ตามถังขยะหรอกนะ เพื่อนแท้ต้องใช้เวลาเก็บสะสมความรู้สึก...ความผูกพัน คงพอๆกับคนรักเลยล่ะหรืออาจจะมากกว่า
-บางคนอาจมีเพื่อนเยอะแยะมากมาย แต่ในบางเวลาที่ต้องการคนปลอบใจสักคน
กลับไม่มี.......
-ถึงจะโกรธ จะเกลียดกันไป...สักวันก็ต้องกลับมาคืนดีกันจนได้....ก็เราเป็นเพื่อนกันไงล่ะ
-เพื่อนมักมีความทรงจำดีๆด้วยกันเสมอ
-แล้วมีใครจะช่วยเหลือเรายามลำบากได้อย่างเพื่อนไหม???
-คนที่คอยปลอบเรา อยู่ข้างๆเรา......ยามเราอกหัก
-คนที่คอยด่าเรา....ขัดใจเรา(เตือนสติ) เวลาที่เราทำไม่ถูก
-เวลาเสียใจบางทีเราอาจมีคนร้องไห้เป็นเพื่อนก็ได้ (น้ำตาท่วมพอดี)
-เวลาดีใจก็มีคนดีใจด้วยกับความสำเร็จของเรา
-เวลาที่เหงา.....เพื่อนอาจมาหาในตอนนั้น
-แม้จะอยู่ห่างกันไปบ้าง แต่ความเป็นเพื่อนไม่เคยห่างไกลตามหรอกนะ
-คนที่เมื่อเรามีเรื่องไม่สบายใจ เราสามารถโทรหาได้ทุกเมื่อ
-คนที่พร้อมจะรับฟังเราทุกเรื่อง แม้จะไร้สาระแค่ไหนก็ตาม
-คนที่พร้อมจะให้เรายืมตังค์.....และยังไม่มีกำหนดคืน (ดีนะไม่ทวง)
-คนที่คอยช่วยเราทำงาน.....ไม่บ่นซักคำ (ก็มันทำไม่ทันจริงๆนี่นา)
อยากได้เพื่อนที่ดีพร้อมซักคน...เราต้องพิสูจน์ความจริงใจนานแค่ไหน เพื่อที่จะได้เพื่อนแท้ที่จริงใจ เพื่อนตาย ที่จะมีแต่ความหวังดีให้เราเสมอๆ ใครเจอแล้วก็คงโชคดีกว่าคนที่ยังไม่เจอนะ ขอเอาใจช่วยให้เจอเพื่อนแท้เร็วแต่....ถ้าอยากได้อะไรก็ควรให้สิ่งนั้นไปก่อนนะ อย่าหวังที่จะได้อยู่ฝ่ายเดียวมันไม่ดีหรอเอาเปรียบกันนี่นา!!!
*เพื่อน....มีเยอะแยะ พึ่งไปเที่ยวด้วยกันมาเองสนุก เฮฮาตามประสา.....
*เพื่อน....ก็เจอกันแทบทุกวันแหละ ตอนไปโรงเรียน/ที่ทำงานไง
*เพื่อน....นี่ไง อยู่ข้างบ้านนี่ก็ใช่
*เพื่อน....แช็ตกันทุกวันแหละ หาง่ายออก
*เพื่อน....เมื่อกี้ก็เพิ่งรู้จักมาคนนึง
*เพื่อน....ก็เพื่อนทุกคนแหละที่รู้จักกัน
นั่นอาจจะคือเพื่อนสำหรับใครบางคน แต่เพื่อนสำหรับบางคนมีความหมายมากกว่านั้น เพื่อนแท้....เพื่อนที่จริงใจของเราสักคนมันหาได้ยากแค่ไหนใครรู้บ้าง แต่คงไม่หาได้ง่ายตามข้างทาง หรือเก็บตกได้ตามถังขยะหรอกนะ เพื่อนแท้ต้องใช้เวลาเก็บสะสมความรู้สึก...ความผูกพัน คงพอๆกับคนรักเลยล่ะหรืออาจจะมากกว่า
-บางคนอาจมีเพื่อนเยอะแยะมากมาย แต่ในบางเวลาที่ต้องการคนปลอบใจสักคน
กลับไม่มี.......
-ถึงจะโกรธ จะเกลียดกันไป...สักวันก็ต้องกลับมาคืนดีกันจนได้....ก็เราเป็นเพื่อนกันไงล่ะ
-เพื่อนมักมีความทรงจำดีๆด้วยกันเสมอ
-แล้วมีใครจะช่วยเหลือเรายามลำบากได้อย่างเพื่อนไหม???
-คนที่คอยปลอบเรา อยู่ข้างๆเรา......ยามเราอกหัก
-คนที่คอยด่าเรา....ขัดใจเรา(เตือนสติ) เวลาที่เราทำไม่ถูก
-เวลาเสียใจบางทีเราอาจมีคนร้องไห้เป็นเพื่อนก็ได้ (น้ำตาท่วมพอดี)
-เวลาดีใจก็มีคนดีใจด้วยกับความสำเร็จของเรา
-เวลาที่เหงา.....เพื่อนอาจมาหาในตอนนั้น
-แม้จะอยู่ห่างกันไปบ้าง แต่ความเป็นเพื่อนไม่เคยห่างไกลตามหรอกนะ
-คนที่เมื่อเรามีเรื่องไม่สบายใจ เราสามารถโทรหาได้ทุกเมื่อ
-คนที่พร้อมจะรับฟังเราทุกเรื่อง แม้จะไร้สาระแค่ไหนก็ตาม
-คนที่พร้อมจะให้เรายืมตังค์.....และยังไม่มีกำหนดคืน (ดีนะไม่ทวง)
-คนที่คอยช่วยเราทำงาน.....ไม่บ่นซักคำ (ก็มันทำไม่ทันจริงๆนี่นา)
อยากได้เพื่อนที่ดีพร้อมซักคน...เราต้องพิสูจน์ความจริงใจนานแค่ไหน เพื่อที่จะได้เพื่อนแท้ที่จริงใจ เพื่อนตาย ที่จะมีแต่ความหวังดีให้เราเสมอๆ ใครเจอแล้วก็คงโชคดีกว่าคนที่ยังไม่เจอนะ ขอเอาใจช่วยให้เจอเพื่อนแท้เร็วแต่....ถ้าอยากได้อะไรก็ควรให้สิ่งนั้นไปก่อนนะ อย่าหวังที่จะได้อยู่ฝ่ายเดียวมันไม่ดีหรอเอาเปรียบกันนี่นา!!!
I love you.
afrikaans : ek is lief vir jou
amenian : yes kez sirumem
bisaya : nahigugma ako kanimo
creol : mi aime jou
dutch : jeg elsker dig
English : i love you
frence : je t'aime
greek : s'agapo
hungarian : szeretlek
italian : ti amo
japanese : ai shi te ru
korean : sarang heyo
latin : te amo
mandarin : wo ai ni
nahuatl : ni mits neki
portugese : eu te amo
russian : ya tabya liuliu
spainish : te amo
thailand : chan rak kun
amenian : yes kez sirumem
bisaya : nahigugma ako kanimo
creol : mi aime jou
dutch : jeg elsker dig
English : i love you
frence : je t'aime
greek : s'agapo
hungarian : szeretlek
italian : ti amo
japanese : ai shi te ru
korean : sarang heyo
latin : te amo
mandarin : wo ai ni
nahuatl : ni mits neki
portugese : eu te amo
russian : ya tabya liuliu
spainish : te amo
thailand : chan rak kun
Good time
การตกหลุมรักใครซักคน
การได้จูบครั้งแรก
การได้หัวเราะจนท้องแข็ง
การได้นั่งอ่านจดหมายเก่าๆในวันว่างๆ
การได้ใช้เวลาว่างในที่ๆแสนงดงาม
การได้ฟังเพลงที่ชอบทางวิทยุ
การได้นอนฟังเสียงฝนตก
เมื่อเวลาที่คุณอาบน้ำเสร็จใหม่ๆแล้วมาเจอผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ
การสอบเสร็จ
การได้รับโทรศัพท์จากใครซักคนที่คุณไม่ได้พบเจอเค้าบ่อยนักแต่คุณก็อยากจะเจอ
บทสนทนาดีๆซักบท
การเจอเงินที่คุณซ่อนไว้ตั้งนานมาแล้ว
การได้ยิ้มกับใครซักคน
การคุยโทรศัพท์ตอนดึกๆได้เป็นชั่วโมงๆ
การยิ้มได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล
การถูกชมอย่างกระทันหัน
การตื่นขึ้นมาแล้วตระหนักได้ว่ามันยังน่าจะนอนต่อได้อีกตั้ง2ชม.แน่ะ
การได้ฟังเพลงที่ทำให้คุณนึกถึงคนพิเศษของคุณ
การเป็นส่วนหนึ่งของทีม
การมีเพื่อนใหม่
การรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินว่อนอยู่ในท้องของคุณเวลาคุณเจอหน้าเค้าคนนั้น
การผ่านช่วงเวลานึงไปได้พร้อมๆกับเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ
การได้เห็นคนที่คุณชอบมีความสุข
การได้ใส่เสื้อของคนที่เราชอบทั้งๆที่กลิ่นน้ำหอมของเค้ายังกรุ่นๆอยู่
การได้เจอเพื่อนเก่าอีกครั้งแล้วรู้สึกเหมือนมันไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย
การได้มองทองฟ้ายามโพล้เพล้
การได้ยินใครซักคนบอกรักคุณ
ที่สุดคือ การได้รู้ว่าเราเป็นที่รักของคนที่เรารัก ...จริงๆนะ
การได้จูบครั้งแรก
การได้หัวเราะจนท้องแข็ง
การได้นั่งอ่านจดหมายเก่าๆในวันว่างๆ
การได้ใช้เวลาว่างในที่ๆแสนงดงาม
การได้ฟังเพลงที่ชอบทางวิทยุ
การได้นอนฟังเสียงฝนตก
เมื่อเวลาที่คุณอาบน้ำเสร็จใหม่ๆแล้วมาเจอผ้าเช็ดตัวอุ่นๆ
การสอบเสร็จ
การได้รับโทรศัพท์จากใครซักคนที่คุณไม่ได้พบเจอเค้าบ่อยนักแต่คุณก็อยากจะเจอ
บทสนทนาดีๆซักบท
การเจอเงินที่คุณซ่อนไว้ตั้งนานมาแล้ว
การได้ยิ้มกับใครซักคน
การคุยโทรศัพท์ตอนดึกๆได้เป็นชั่วโมงๆ
การยิ้มได้โดยไม่ต้องมีเหตุผล
การถูกชมอย่างกระทันหัน
การตื่นขึ้นมาแล้วตระหนักได้ว่ามันยังน่าจะนอนต่อได้อีกตั้ง2ชม.แน่ะ
การได้ฟังเพลงที่ทำให้คุณนึกถึงคนพิเศษของคุณ
การเป็นส่วนหนึ่งของทีม
การมีเพื่อนใหม่
การรู้สึกเหมือนผีเสื้อบินว่อนอยู่ในท้องของคุณเวลาคุณเจอหน้าเค้าคนนั้น
การผ่านช่วงเวลานึงไปได้พร้อมๆกับเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ
การได้เห็นคนที่คุณชอบมีความสุข
การได้ใส่เสื้อของคนที่เราชอบทั้งๆที่กลิ่นน้ำหอมของเค้ายังกรุ่นๆอยู่
การได้เจอเพื่อนเก่าอีกครั้งแล้วรู้สึกเหมือนมันไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปเลย
การได้มองทองฟ้ายามโพล้เพล้
การได้ยินใครซักคนบอกรักคุณ
ที่สุดคือ การได้รู้ว่าเราเป็นที่รักของคนที่เรารัก ...จริงๆนะ
conver with Gift (July 8, 2004)
ดีขึ้นก็ดีแล้วแหละ
แล้วก็อย่าเหมาเอาผู้ชายทุกคนได้แมะ!!! เคืองนิดๆ
แล้วนี้มาคิดว่าตัวเองโชคร้าย...เฮ้ออออ กะไอแค่นิสัยกะความคิดที่เปลี่ยนกันได้ง่ายๆเนี่ยนะ??? อยากให้อ่านหนังสือที่เราอ่านจัง จะได้เปลี่ยนความคิด
พี่เราเรียนเอกฟีล์มหน่ะ ทำให้ดูหนังเรื่องไหนก็ไม่ค่อยสนุกเลย มีเรื่องให้จับผิดตลอดว่า ห่วยตรงไหน ชัดตื้นชัดลึก ให้ความสำคัญกะการจัดแสง กะอีกจมหน่ะ จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 2 ต้นๆ หน่ะ จนเพื่อนพี่เราแซวว่าคนจบคณะนี้ส่วนใหญ่ 3 ขึ้นไม่ใช่หรอ :p
ส่วนเราชอบคอมหน่ะ ก็ได้เข้าสมใจอยาก แล้วก็ไม่อยากบอกอีกว่าเข้าได้ไง ครือ... เค้ารับ 80 คนหน่ะ แต่มีคนเลือกแค่ 61 คน ส่วนเราก็ปลายๆ แถวเลยง่ะ สู้ๆๆ
บาย
อื้อ วันนี้ดีขึ้นมากๆแล้ว เมื่อวานเราไปร้องไห้กะคนนั้นแหละ ร้องแบบว่าจนหายใจไม่ออกเลยล่ะ เมื่อวานเราคงเครียดมากมั้ง ทำอะไรก้อไม่มีกะจิตกะใจ พอได้ร้องไห้ออกมานะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย แล้วเราก้อเคลียร์กับเค้าให้รู้เรื่อง ผู้ชายเป็นไรเนอะ ชอบปล่อยให้มันผ่านไป แล้วก้อทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่ชอบเลย พอพูดอย่างนี้เค้าก้อได้แต่ขอโทษๆ เป็นอย่างงี้ทุกทีแล้วก้อทำใหม่ แต่เรามันไม่ค่อยเข้มแข็ง เลยต้องยอมอยู่นั่นแหละ เนอะ เกิดมาโชคร้ายจัง ช่างเหอะ บ่นอะไรอยู่ได้ เรื่องไม่ย้ายไปท่าพระจันทร์น่ะวันนั้นคณบดีเค้าออกมาพูดแต่ก้อคงยังไม่แน่หรอกมั้ง ตึกคณะยังสร้างไม่เสร็จเลย เราเลือกเอกแล้วแหละชลิต เรียนเอกโฆษณา พี่ชลิตเรียนเอกอะไรนะ ปีนี้ก้อจบแล้วหนิ แสดงความยินดีด้วย แต่เห็นเกรดชลิตดีขึ้นก้อดีใจด้วยนะ ปีนี้ต้องเข้าสาขาเหมือนกันนี่ เรารู้ว่าเธอทำได้อยู่แล้วเนอะ ขอบคุณมากๆเลยนะสำหรับคำแนะนำ เราชอบมากๆ คิดได้งัยเนี่ย เดี๋ยวเราไปแล้วดีกว่านะ อ้อ บอกไรอย่าง เราอยู่ b8 นะจ๊ะไม่ใช่ b6
>From: "Chalit Sirichaovanichkarn"
>To: giftgirl25@hotmail.com
>Subject: เอาหน่า... อย่าคิดมาก
>Date: Mon, 05 Jul 2004 23:01:02 +0700
>
>
>
>
>>From: "naveetip tanjitpiyanon"
>>To: oholit@hotmail.com
>>Date: Mon, 05 Jul 2004 03:49:50 +0000
>>
>
>Errr...Sorry that I didn't call you :p
>Thank that you don't forget me :)
>That trip is very boring, don't have any mall, fun park or any place
>to travel the only thing to do is "learn"
>I'm ok now just ok but I have to try harder than the last year
>because it's grading separately for each faculty and top ten of SIIT
>is in my faculty. Herrrrr... I'm kind of jealous you!!! :p
>I'm wonder that why you have to learn at Rungsit for four years??? I
>think that JC learn here only two year then third and forth year you
>have to learn at Taprajan (but my sister learn at Ransit only one
>year :p )
>ให้ตายเหอะ กระแดะพิมพ์ภาษาอังกฤษตั้งนาน ขอไทยนะ
>(จะโชว่าพึ่งกลับมาจากนอกหนะ บ้านนอกปล่าววะ???
>เกรดก็ดีขึ้นนะ จาก 2.1 กว่าๆ เป็น 2.5 หน่ะ แค่นี้ก็ดีใจสุดๆ แล้วอ่ะ
>แล้วมาปรึกษาเรื่องความรักกะเรา....... คิดไงเนี่ย???
>ประสบการณ์โชกโชนเหลือเกินหนิ :p
>คิอกิ๊ฟก็เรียนจิตวิทยาเบื้องต้นมาแล้วหนิ ก็น่าจะเอามาประยุกค์ใช้นะ
>แต่ตอนนี้เราบ้าเรื่องพวกนี้ไปแล้วอ่ะ
>คือหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาเรามีประมาณ 15 เล่มแล้วมั้ง
>ตอนนี้กะลังอ่าน "มีดีบ้างไหม" อยู่
>คือให้พยายามหาจุดดีจากข้อเสียหน่ะ ก็ดีนะ ทำให้เราสบายใจลงเยอะอ่ะ
>ไม่อยากบอกเลยว่าทำไมเราถึงบ้าจิตวิทยา อิอิ
>คือ เรามีเพื่อนซี้ที่นั่งเรียนด้วยกันตลอดหน่ะ เรียนเหมือนกัน
>แต่เค้าได้ตะแนนดีกว่าตลอดเลยหน่ะ อย่างเรียน EL172 เป็น listening
>หน่ะ เราก็ทำได้ดีกว่าเค้าตลอดเลยนะ แต่พอคะแนน midterm ออกมาเราได้
>62 ส่วนเค้าได้ 72 ก็เลยเซ็งๆ
>แล้วไปร้านหนังสือเจอจิตวิทยาเกี่ยวกะเรื่องเรียนหน่ะ
>คราวนี้เลยบ้าซื้อเต็มไปหมดเลยหน่ะ เอามาไว้อ่านเล่น
>กิ๊ฟก็คิดซะว่าได้รู้จักเค้าก็โชคดีมากๆ แล้วนะ มีความสุขด้วยกัน
>ถือเป็นข้อดีนะ ถึงแม้จะไม่นาน แต่ก็ดีกว่าที่เค้ามาเกลียดเรา
>อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขหน่ะ ถ้าคิดอย่างนี้ได้ก็คงไม่เสียใจ
>หรือก็อาจจะเสียใจน้อยลงนะ
>แล้วที่บอกว่าตอนนี้เค้าชอบพูดจาให้รู้สึกแย่ เจ็บใจเนี่ย
>เราว่ากิ๊ฟคิดไปเองปล่าว??? เค้าอาจจะแค่เปลี่ยนไป
>กิ๊ฟก็ไปยึดติดกับภาพลักษณ์เก่าๆ คราวนี้เค้าทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด
>ดูขัดหูขัดตาไปหมด
>กิ๊ฟลองคิดซะว่าไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อน
>แล้วพึ่งมารู้จักกันแล้วดูแลเราดีขนาดนี้ ถือว่าโชคดีนะ
>เท่านี้แลที่จะแนะนำ แต่ยังไงก็ไปประยุกข์ต่อเองละกัน แหะ แหะ :p
>หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างนะ
>แล้วนี้ยังพักอยู่ B6 อยู่ปล่าวเนี่ย เรายังอยู่ C11 เหมือนเดิม
>ก็คณะเราโดนกักให้อยู่ได้กี่ตึกเองอ่ะ แต่ก็ดีนะ
>เปิดกระจกมาเจอทุ่งหญ้า เขียวไปหมด สุดลูกหูลูกตาเลย สบายใจดี ได้
>oxygen เต็มๆ อิอิ
>ไว้เท่านี้ละกัน วันหลังคุยกันใหม่นะ
>โชคดีในทุกๆเรื่องนะ
>บาย
>ป.ล. มีอะไรก็ปรึกษาอีกได้ ยินดี :)
--------------------------------------------------------------------------------
STOP MORE SPAM with the new MSN 8 and get 2 months FREE*
From: naveetip tanjitpiyanon
To: oholit@hotmail.com
Sent: Monday, July 5, 2004 10:49 AM
ไม่เคยโทรมาเลยเนอะ น่าจะเล่าให้ฟังบ้างว่าไปเที่ยวหนุกมั้ย แต่เออก้อรู้แหละว่าไม่ค่อยมีเวลา งั้นเราส่งเมลล์มาแทนละกัน ตอนนี้สบายดีรึป่าว เรียนหนักมั้ย เทอมนี้เราไม่ค่อยมีเรียนเลย ขำขำไปวันๆ แต่เทอมหน้าสิคงต้องเรียนหนักมาก นี่ รู้ป่าว บางทีเราอาจจะต้องอยู่รังสิต4 ปีแหละ แต่เราก้ออยากอยู่อยู่แล้วอะนะ ดีเหมือนกัน ชลิตได้เล่นคอมรึป่าว แต่ช่วงนี้ไม่เห็นเมลเต็มนี่ แสดงว่าเล่นบ่อย แล้วเกรดเทอมที่แล้วเป็นงัยบ้างล่ะ คงดีเนาะ ก้ออุตสาห์ตั้งใจซะขนาดนั้น คนเรา ถ้าตั้งใจก้อทำได้หมดแหละ ชลิต ถามอะไรหน่อยได้ปะ ถ้าสมมุติเคยมีผู้ชายคนนึงรักเรามาก ทำให้เราทุกอย่าง คือแบบว่าอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แต่อยู่ดีดีเค้าก้อเปลี่ยนไป เอาใจเราน้อยลง ชอบพูดจาให้เรารูสึกแย่ เจ็บใจ แค้นอะไรอย่างงั้นน่ะ เราจะคบเค้าต่อไปดีมั้ย หรือว่าเลิกไปเลย แต่ถ้าเลิกเราก้อคงเสียใจมากเหมือนกัน ม่รู้ทำงัยแล้ว คิดไรได้ บอกหน่อยนะ
แล้วก็อย่าเหมาเอาผู้ชายทุกคนได้แมะ!!! เคืองนิดๆ
แล้วนี้มาคิดว่าตัวเองโชคร้าย...เฮ้ออออ กะไอแค่นิสัยกะความคิดที่เปลี่ยนกันได้ง่ายๆเนี่ยนะ??? อยากให้อ่านหนังสือที่เราอ่านจัง จะได้เปลี่ยนความคิด
พี่เราเรียนเอกฟีล์มหน่ะ ทำให้ดูหนังเรื่องไหนก็ไม่ค่อยสนุกเลย มีเรื่องให้จับผิดตลอดว่า ห่วยตรงไหน ชัดตื้นชัดลึก ให้ความสำคัญกะการจัดแสง กะอีกจมหน่ะ จบมาด้วยเกรดเฉลี่ย 2 ต้นๆ หน่ะ จนเพื่อนพี่เราแซวว่าคนจบคณะนี้ส่วนใหญ่ 3 ขึ้นไม่ใช่หรอ :p
ส่วนเราชอบคอมหน่ะ ก็ได้เข้าสมใจอยาก แล้วก็ไม่อยากบอกอีกว่าเข้าได้ไง ครือ... เค้ารับ 80 คนหน่ะ แต่มีคนเลือกแค่ 61 คน ส่วนเราก็ปลายๆ แถวเลยง่ะ สู้ๆๆ
บาย
อื้อ วันนี้ดีขึ้นมากๆแล้ว เมื่อวานเราไปร้องไห้กะคนนั้นแหละ ร้องแบบว่าจนหายใจไม่ออกเลยล่ะ เมื่อวานเราคงเครียดมากมั้ง ทำอะไรก้อไม่มีกะจิตกะใจ พอได้ร้องไห้ออกมานะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย แล้วเราก้อเคลียร์กับเค้าให้รู้เรื่อง ผู้ชายเป็นไรเนอะ ชอบปล่อยให้มันผ่านไป แล้วก้อทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราไม่ชอบเลย พอพูดอย่างนี้เค้าก้อได้แต่ขอโทษๆ เป็นอย่างงี้ทุกทีแล้วก้อทำใหม่ แต่เรามันไม่ค่อยเข้มแข็ง เลยต้องยอมอยู่นั่นแหละ เนอะ เกิดมาโชคร้ายจัง ช่างเหอะ บ่นอะไรอยู่ได้ เรื่องไม่ย้ายไปท่าพระจันทร์น่ะวันนั้นคณบดีเค้าออกมาพูดแต่ก้อคงยังไม่แน่หรอกมั้ง ตึกคณะยังสร้างไม่เสร็จเลย เราเลือกเอกแล้วแหละชลิต เรียนเอกโฆษณา พี่ชลิตเรียนเอกอะไรนะ ปีนี้ก้อจบแล้วหนิ แสดงความยินดีด้วย แต่เห็นเกรดชลิตดีขึ้นก้อดีใจด้วยนะ ปีนี้ต้องเข้าสาขาเหมือนกันนี่ เรารู้ว่าเธอทำได้อยู่แล้วเนอะ ขอบคุณมากๆเลยนะสำหรับคำแนะนำ เราชอบมากๆ คิดได้งัยเนี่ย เดี๋ยวเราไปแล้วดีกว่านะ อ้อ บอกไรอย่าง เราอยู่ b8 นะจ๊ะไม่ใช่ b6
>From: "Chalit Sirichaovanichkarn"
>To: giftgirl25@hotmail.com
>Subject: เอาหน่า... อย่าคิดมาก
>Date: Mon, 05 Jul 2004 23:01:02 +0700
>
>
>
>
>>From: "naveetip tanjitpiyanon"
>>To: oholit@hotmail.com
>>Date: Mon, 05 Jul 2004 03:49:50 +0000
>>
>
>Errr...Sorry that I didn't call you :p
>Thank that you don't forget me :)
>That trip is very boring, don't have any mall, fun park or any place
>to travel the only thing to do is "learn"
>I'm ok now just ok but I have to try harder than the last year
>because it's grading separately for each faculty and top ten of SIIT
>is in my faculty. Herrrrr... I'm kind of jealous you!!! :p
>I'm wonder that why you have to learn at Rungsit for four years??? I
>think that JC learn here only two year then third and forth year you
>have to learn at Taprajan (but my sister learn at Ransit only one
>year :p )
>ให้ตายเหอะ กระแดะพิมพ์ภาษาอังกฤษตั้งนาน ขอไทยนะ
>(จะโชว่าพึ่งกลับมาจากนอกหนะ บ้านนอกปล่าววะ???
>เกรดก็ดีขึ้นนะ จาก 2.1 กว่าๆ เป็น 2.5 หน่ะ แค่นี้ก็ดีใจสุดๆ แล้วอ่ะ
>แล้วมาปรึกษาเรื่องความรักกะเรา....... คิดไงเนี่ย???
>ประสบการณ์โชกโชนเหลือเกินหนิ :p
>คิอกิ๊ฟก็เรียนจิตวิทยาเบื้องต้นมาแล้วหนิ ก็น่าจะเอามาประยุกค์ใช้นะ
>แต่ตอนนี้เราบ้าเรื่องพวกนี้ไปแล้วอ่ะ
>คือหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาเรามีประมาณ 15 เล่มแล้วมั้ง
>ตอนนี้กะลังอ่าน "มีดีบ้างไหม" อยู่
>คือให้พยายามหาจุดดีจากข้อเสียหน่ะ ก็ดีนะ ทำให้เราสบายใจลงเยอะอ่ะ
>ไม่อยากบอกเลยว่าทำไมเราถึงบ้าจิตวิทยา อิอิ
>คือ เรามีเพื่อนซี้ที่นั่งเรียนด้วยกันตลอดหน่ะ เรียนเหมือนกัน
>แต่เค้าได้ตะแนนดีกว่าตลอดเลยหน่ะ อย่างเรียน EL172 เป็น listening
>หน่ะ เราก็ทำได้ดีกว่าเค้าตลอดเลยนะ แต่พอคะแนน midterm ออกมาเราได้
>62 ส่วนเค้าได้ 72 ก็เลยเซ็งๆ
>แล้วไปร้านหนังสือเจอจิตวิทยาเกี่ยวกะเรื่องเรียนหน่ะ
>คราวนี้เลยบ้าซื้อเต็มไปหมดเลยหน่ะ เอามาไว้อ่านเล่น
>กิ๊ฟก็คิดซะว่าได้รู้จักเค้าก็โชคดีมากๆ แล้วนะ มีความสุขด้วยกัน
>ถือเป็นข้อดีนะ ถึงแม้จะไม่นาน แต่ก็ดีกว่าที่เค้ามาเกลียดเรา
>อยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุขหน่ะ ถ้าคิดอย่างนี้ได้ก็คงไม่เสียใจ
>หรือก็อาจจะเสียใจน้อยลงนะ
>แล้วที่บอกว่าตอนนี้เค้าชอบพูดจาให้รู้สึกแย่ เจ็บใจเนี่ย
>เราว่ากิ๊ฟคิดไปเองปล่าว??? เค้าอาจจะแค่เปลี่ยนไป
>กิ๊ฟก็ไปยึดติดกับภาพลักษณ์เก่าๆ คราวนี้เค้าทำอะไรก็ดูแย่ไปหมด
>ดูขัดหูขัดตาไปหมด
>กิ๊ฟลองคิดซะว่าไม่เคยรู้จักเค้ามาก่อน
>แล้วพึ่งมารู้จักกันแล้วดูแลเราดีขนาดนี้ ถือว่าโชคดีนะ
>เท่านี้แลที่จะแนะนำ แต่ยังไงก็ไปประยุกข์ต่อเองละกัน แหะ แหะ :p
>หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างนะ
>แล้วนี้ยังพักอยู่ B6 อยู่ปล่าวเนี่ย เรายังอยู่ C11 เหมือนเดิม
>ก็คณะเราโดนกักให้อยู่ได้กี่ตึกเองอ่ะ แต่ก็ดีนะ
>เปิดกระจกมาเจอทุ่งหญ้า เขียวไปหมด สุดลูกหูลูกตาเลย สบายใจดี ได้
>oxygen เต็มๆ อิอิ
>ไว้เท่านี้ละกัน วันหลังคุยกันใหม่นะ
>โชคดีในทุกๆเรื่องนะ
>บาย
>ป.ล. มีอะไรก็ปรึกษาอีกได้ ยินดี :)
--------------------------------------------------------------------------------
STOP MORE SPAM with the new MSN 8 and get 2 months FREE*
From: naveetip tanjitpiyanon
To: oholit@hotmail.com
Sent: Monday, July 5, 2004 10:49 AM
ไม่เคยโทรมาเลยเนอะ น่าจะเล่าให้ฟังบ้างว่าไปเที่ยวหนุกมั้ย แต่เออก้อรู้แหละว่าไม่ค่อยมีเวลา งั้นเราส่งเมลล์มาแทนละกัน ตอนนี้สบายดีรึป่าว เรียนหนักมั้ย เทอมนี้เราไม่ค่อยมีเรียนเลย ขำขำไปวันๆ แต่เทอมหน้าสิคงต้องเรียนหนักมาก นี่ รู้ป่าว บางทีเราอาจจะต้องอยู่รังสิต4 ปีแหละ แต่เราก้ออยากอยู่อยู่แล้วอะนะ ดีเหมือนกัน ชลิตได้เล่นคอมรึป่าว แต่ช่วงนี้ไม่เห็นเมลเต็มนี่ แสดงว่าเล่นบ่อย แล้วเกรดเทอมที่แล้วเป็นงัยบ้างล่ะ คงดีเนาะ ก้ออุตสาห์ตั้งใจซะขนาดนั้น คนเรา ถ้าตั้งใจก้อทำได้หมดแหละ ชลิต ถามอะไรหน่อยได้ปะ ถ้าสมมุติเคยมีผู้ชายคนนึงรักเรามาก ทำให้เราทุกอย่าง คือแบบว่าอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข แต่อยู่ดีดีเค้าก้อเปลี่ยนไป เอาใจเราน้อยลง ชอบพูดจาให้เรารูสึกแย่ เจ็บใจ แค้นอะไรอย่างงั้นน่ะ เราจะคบเค้าต่อไปดีมั้ย หรือว่าเลิกไปเลย แต่ถ้าเลิกเราก้อคงเสียใจมากเหมือนกัน ม่รู้ทำงัยแล้ว คิดไรได้ บอกหน่อยนะ
A guy who has gone
คนที่หายไป
... คุณเคยมีเพื่อนสนิทสักคนไหม คนที่มันบ้าๆ บอๆ แต่กล้าลุยกับคุณทุกสถานการณ์ แม้ว่าคุณจะไม่เหลือใครเลย ไม่ว่าจะไม่มีใครเห็นด้วยกับคุณ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องถูกหรือผิด ถึงไหนถึงกัน
.. เวลาที่คุณอยู่ใกล้มัน คุณเองก็บ้าบอไปกับมันด้วย คุณกลายเป็นเด็กในร่างยักษ์ หลุดพ้นจากขอบเขต กฏเกณฑ์ บ้าๆ บอๆ ในหัวของคุณเต็มไปด้วยจินตนาการ โครงการณ์ร้อยแปดพันเก้าที่คุณจะทำกับมัน
.. คนที่มีเรื่องเล่าสู่กันฟังไม่รู้จบ คนที่คุณไม่ต้องคอยแคร์ความรู้สึกมันสักเท่าไหร่ มันทำให้คุณเป็นตัวของตัวเอง คนที่ค่อยๆ หายตัวไปในกาลเวลา แต่แว๊บ..เข้ามาเสมอเวลาที่คุณอ่อนแอ คนที่คุณคอยเล่าพฤติกรรมแปลกของมัน ให้คนอื่นฟังเสมอๆ
.. วันนี้…เพื่อนคนนั้นของคุณอยู่ที่ไหน ยังอยู่ใกล้ๆ คุณอยู่หรือเปล่า คุณยังโทรหามันอยู่ไหม มันยังบ้าๆ บอๆ อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือว่าคุณเองที่มีความบ้าในเลือดน้อยลง คุณไม่เจอมันนานแค่ไหนแล้ว ไม่ได้มองตาคุยกันนานแค่ไหน
.. นานแค่ไหนที่คุณไม่ได้สัมผัสเพื่อนของคุณอย ่างเดิม หรือคุณเองก็ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว ที่คุณไม่กล้าวิ่งไล่เตะมัน อย่าอ้างว่าคุณอายุมากขึ้น ที่คุณไม่กล้าแย่งของกินจากมือมัน อย่าอ้างว่าคุณมีมรรยาท คุณกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัดโดยไม่ชวนมัน อย่าอ้างว่าถึงชวนมันก็คงไม่ว่าง
.. อะไรที่เปลี่ยนไป เวลา…หรือความรู้สึก… สังคม..หรือความสัมพันธ์... อะไรที่เปลี่ยนแปลง คุณ…หรือเขา..หรือใคร.. คุณถามตัวเองหรือเปล่า หรือรอให้ใครถาม รู้สึกอย่างไรที่เขาเปลี่ยนไป แล้วเคยถามเขาไหม เขารู้สึกอย่างไรที่คุณเปลี่ยนไป ระหว่างคุณ..
.. หากเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นในใจ ไม่ว่าคุณจะมีคำตอบหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะต้องการคำตอบหรือเปล่า ขอบเขตหรือกฏเกณฑ์ที่คุณไม่เคยมีกับเพื่อนคนนี้ มันเกิดขึ้นแล้วต่อหน้าต่อตาคุณ แต่คุณก็ตอบกับตัวเองว่า ”ช่างมัน” ปล่อยให้เพื่อนคนนึงกลายเป็นคนที่ไร้ตัวตนต่อไป ..แต่ถ้าคุณไม่เคยตั้งคำถามเหล่านี้เลย รู้ไว้ด้วย คุณเสียเพื่อนดีๆ ไปคนนึง และโลกนี้มีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน
... คุณเคยมีเพื่อนสนิทสักคนไหม คนที่มันบ้าๆ บอๆ แต่กล้าลุยกับคุณทุกสถานการณ์ แม้ว่าคุณจะไม่เหลือใครเลย ไม่ว่าจะไม่มีใครเห็นด้วยกับคุณ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องถูกหรือผิด ถึงไหนถึงกัน
.. เวลาที่คุณอยู่ใกล้มัน คุณเองก็บ้าบอไปกับมันด้วย คุณกลายเป็นเด็กในร่างยักษ์ หลุดพ้นจากขอบเขต กฏเกณฑ์ บ้าๆ บอๆ ในหัวของคุณเต็มไปด้วยจินตนาการ โครงการณ์ร้อยแปดพันเก้าที่คุณจะทำกับมัน
.. คนที่มีเรื่องเล่าสู่กันฟังไม่รู้จบ คนที่คุณไม่ต้องคอยแคร์ความรู้สึกมันสักเท่าไหร่ มันทำให้คุณเป็นตัวของตัวเอง คนที่ค่อยๆ หายตัวไปในกาลเวลา แต่แว๊บ..เข้ามาเสมอเวลาที่คุณอ่อนแอ คนที่คุณคอยเล่าพฤติกรรมแปลกของมัน ให้คนอื่นฟังเสมอๆ
.. วันนี้…เพื่อนคนนั้นของคุณอยู่ที่ไหน ยังอยู่ใกล้ๆ คุณอยู่หรือเปล่า คุณยังโทรหามันอยู่ไหม มันยังบ้าๆ บอๆ อยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า หรือว่าคุณเองที่มีความบ้าในเลือดน้อยลง คุณไม่เจอมันนานแค่ไหนแล้ว ไม่ได้มองตาคุยกันนานแค่ไหน
.. นานแค่ไหนที่คุณไม่ได้สัมผัสเพื่อนของคุณอย ่างเดิม หรือคุณเองก็ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปแล้ว ที่คุณไม่กล้าวิ่งไล่เตะมัน อย่าอ้างว่าคุณอายุมากขึ้น ที่คุณไม่กล้าแย่งของกินจากมือมัน อย่าอ้างว่าคุณมีมรรยาท คุณกลับไปเยี่ยมบ้านต่างจังหวัดโดยไม่ชวนมัน อย่าอ้างว่าถึงชวนมันก็คงไม่ว่าง
.. อะไรที่เปลี่ยนไป เวลา…หรือความรู้สึก… สังคม..หรือความสัมพันธ์... อะไรที่เปลี่ยนแปลง คุณ…หรือเขา..หรือใคร.. คุณถามตัวเองหรือเปล่า หรือรอให้ใครถาม รู้สึกอย่างไรที่เขาเปลี่ยนไป แล้วเคยถามเขาไหม เขารู้สึกอย่างไรที่คุณเปลี่ยนไป ระหว่างคุณ..
.. หากเกิดคำถามเหล่านี้ขึ้นในใจ ไม่ว่าคุณจะมีคำตอบหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะต้องการคำตอบหรือเปล่า ขอบเขตหรือกฏเกณฑ์ที่คุณไม่เคยมีกับเพื่อนคนนี้ มันเกิดขึ้นแล้วต่อหน้าต่อตาคุณ แต่คุณก็ตอบกับตัวเองว่า ”ช่างมัน” ปล่อยให้เพื่อนคนนึงกลายเป็นคนที่ไร้ตัวตนต่อไป ..แต่ถ้าคุณไม่เคยตั้งคำถามเหล่านี้เลย รู้ไว้ด้วย คุณเสียเพื่อนดีๆ ไปคนนึง และโลกนี้มีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน
The one who has gone (July 2004)
กูอาจจะเป็นคนที่หายไปจากชีวิตพวกมึง แต่กูจำเป็นนะ ภาคกูตอนนี้มีแต่คนเก่งๆ กูต้องไปเป็นฐานให้เต้าเหยียบหรอ???
ไม่อ่ะ กูไม่อยากเป็นฐาน และก็ไม่ขอให้เกรดต่ำลงด้วย ตอนนี้กูเลยเริ่มเก็บตัวแล้ว จะพยายามอ่านหนังสือนะ พวกมึงก็ด้วย แต่ว่ายังไม่ได้เริ่มเลย
แต่อ่านอันนี้แล้วทำให้นึกถึงมึง 2 คนเลย ไว้ปิดเทอมเมื่อไหร่ ไปเที่ยวไหนเที่ยวกัน ขับรถไปไหนไปกัน แต่ตอนนี้กูขอเวลาอยู่คนเดียวซักพัก
สอบเสร็จกูจะโทรไปบอกพวกมึงคนแรกเลย :)
ไม่อ่ะ กูไม่อยากเป็นฐาน และก็ไม่ขอให้เกรดต่ำลงด้วย ตอนนี้กูเลยเริ่มเก็บตัวแล้ว จะพยายามอ่านหนังสือนะ พวกมึงก็ด้วย แต่ว่ายังไม่ได้เริ่มเลย
แต่อ่านอันนี้แล้วทำให้นึกถึงมึง 2 คนเลย ไว้ปิดเทอมเมื่อไหร่ ไปเที่ยวไหนเที่ยวกัน ขับรถไปไหนไปกัน แต่ตอนนี้กูขอเวลาอยู่คนเดียวซักพัก
สอบเสร็จกูจะโทรไปบอกพวกมึงคนแรกเลย :)
Friend from Than (July 2004)
To Than
อ่านจบกูเกือบร้องไห้แหน่ะ ขอบใจสำหรับคำว่าเพื่อนเว่ย แล้วก็ดีใจที่มีเพื่อนอย่างมึงเหมือนกัน
ไม่รู้จะพูดไรแล้ว รู้แต่ดีใจที่มึงตอบมา
ใช่เว่ย เพื่อนกันตลอดไป
********** forever friend **********
Chalit Sirichaovanichkarn
12 July 2004
To Lit
ดีใจนะทีมึงยังคิดถึงกู ไม่เป็นไรเว้ย กูเข้าใจ
กูเข้าใจในตัวมึงทุกๆเรื่องและ นิสัยมึงเป็นยังไงกูก็รู้อยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
อย่างน้อยกูก็ยังเป็นเพื่อนมึงอยู่ทั้งคน
ถึงแม้ว่าพักนี้เวลาของพวกเราอาจจะมีให้กันน้อยไปหน่อย แต่ก็อย่างว่าละ มันจำเป็นนิ
ต่างคนก็ต่างมีภารกิจต้องทำต่างๆกันไป ไม่ว่ากันเว้ย แค่มีอะไร มีปัญหา ไม่สบายใจ
เดือดร้อนอะไรนึกถึงกันแค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้วละ จริงๆนะ
เต็มที่เว้ย สู้ให้เต็มที่ ถึงแม้ว่ากูจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่กูจะเป็นกำลังใจให้นะ
ตั้งใจอ่านหนังสือละ ทำเกรดให้ได้ดีๆ อย่าไปเป็นฐานให้เขา
กูก็ว่ากูจะตั้งเรียนแล้วละ รู้สึกว่าไร้สาระมากไปละ ดีใจนะที่มีเพื่อนอย่างมึง
สุขเราก็เคยร่วมกันมาละ ทุกข์เราก็ร่วมกันมาแล้ว
ไม่มีอะไรจะต้องพิสูจน์อีกแล้ววะสำหรับคำว่าเพื่อนของเรา
จำไว้นะมึงไม่ใช่คนที่หายไป และกูก็จะไม่ยอมให้มึงหายไปด้วย
ส่วนกูก็จะยังอยู่ตรงนี้ละไม่หายไปไหน สัญญาว่าจะเหมือนเดิม จะเป็นคนเดิม
จะบ้าๆบอๆอย่างนี้ละ พร้อมที่จะลุยทุกๆสถานการณ์เสมอวะถ้าเพื่อนต้องการ
ดีใจนะที่มีเพื่อนอย่างพวกมึง สัญญาว่าจะไม่ลืมกันยังไงเพื่อนก็คือเพื่อน จำไว้นะ
เพื่อนกันตลอดไป
เพื่อน
คำว่า " เพื่อน" เขียนอย่างไร ความหมายก็ย่อมเหมือนเดิม
เพื่อน..คือ
คนแปลกหน้าคนแรก.....ที่ทำให้เรารู้จักความรัก...นอกเหนือจากคนในครอบครัวที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เกิด..เพื่อน...โผล่หัวมาตอนโต
เป็นใครไม่รู้ จู่ๆวันหนึ่งเราก็รักมัน ความรักเพื่อน
เป็นความรักที่น่าเคารพยกย่อง...แต่ต้องเป็นเพื่อนแท้ด้วยน่ะ
เพื่อนจะรักกันแบบพอๆดี ไม่หวง ไม่หึง ไม่ต้องการอะไรตอบแทน เรารักกันสบายๆ
มีปัญหาอะไรปรึกษากัน มีเรื่องเดือดร้อนช่วยกัน แต่ในขณะเดียวกัน...ต่างคน
ต่างก็มีโลกของตัวเอง เธอมีแฟนฉันไม่ว่า เธอสนุก...ของเธอไป
เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน ไม่ต้องมาเจอกัน ก็ยังห่วงกัน คิดถึงกัน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ ถ้ามั่นใจว่าเจอเพื่อนแท้แล้ว เชื่อเถอะว่า
ไม่ว่าเราจะห่างกันยังไง เราจะคิดถึงกัน
และเราจะไม่มีวันเลิกคบกัน...เพราะเธอมีไปแฟน...มีเพื่อนใหม่
ต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่ ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้...มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
คนบางคนบอกว่า คุยกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง แต่คุยกับแฟน...กับพ่อแม่ได้บางเรื่อง
นี่แหละที่มันเป็นความรักที่ประหลาด แต่งดงาม
มันมีความเข้าใจ...ไว้ใจ...เชื่อใจ...ในจุดสมดุล
ฤดูกาลผันผ่าน อาจเปลี่ยนวันวานไปได้
แต่ตราบใดภาษายังไม่เปลี่ยนไป
คำว่า " เพื่อน" เขียนอย่างไร ความหมายย่อมเหมือนเดิม
*************Friend Foever**************
By
Thanyatorn Punpurtthinun
Date. 12 July 2004
อ่านจบกูเกือบร้องไห้แหน่ะ ขอบใจสำหรับคำว่าเพื่อนเว่ย แล้วก็ดีใจที่มีเพื่อนอย่างมึงเหมือนกัน
ไม่รู้จะพูดไรแล้ว รู้แต่ดีใจที่มึงตอบมา
ใช่เว่ย เพื่อนกันตลอดไป
********** forever friend **********
Chalit Sirichaovanichkarn
12 July 2004
To Lit
ดีใจนะทีมึงยังคิดถึงกู ไม่เป็นไรเว้ย กูเข้าใจ
กูเข้าใจในตัวมึงทุกๆเรื่องและ นิสัยมึงเป็นยังไงกูก็รู้อยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
อย่างน้อยกูก็ยังเป็นเพื่อนมึงอยู่ทั้งคน
ถึงแม้ว่าพักนี้เวลาของพวกเราอาจจะมีให้กันน้อยไปหน่อย แต่ก็อย่างว่าละ มันจำเป็นนิ
ต่างคนก็ต่างมีภารกิจต้องทำต่างๆกันไป ไม่ว่ากันเว้ย แค่มีอะไร มีปัญหา ไม่สบายใจ
เดือดร้อนอะไรนึกถึงกันแค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้วละ จริงๆนะ
เต็มที่เว้ย สู้ให้เต็มที่ ถึงแม้ว่ากูจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่กูจะเป็นกำลังใจให้นะ
ตั้งใจอ่านหนังสือละ ทำเกรดให้ได้ดีๆ อย่าไปเป็นฐานให้เขา
กูก็ว่ากูจะตั้งเรียนแล้วละ รู้สึกว่าไร้สาระมากไปละ ดีใจนะที่มีเพื่อนอย่างมึง
สุขเราก็เคยร่วมกันมาละ ทุกข์เราก็ร่วมกันมาแล้ว
ไม่มีอะไรจะต้องพิสูจน์อีกแล้ววะสำหรับคำว่าเพื่อนของเรา
จำไว้นะมึงไม่ใช่คนที่หายไป และกูก็จะไม่ยอมให้มึงหายไปด้วย
ส่วนกูก็จะยังอยู่ตรงนี้ละไม่หายไปไหน สัญญาว่าจะเหมือนเดิม จะเป็นคนเดิม
จะบ้าๆบอๆอย่างนี้ละ พร้อมที่จะลุยทุกๆสถานการณ์เสมอวะถ้าเพื่อนต้องการ
ดีใจนะที่มีเพื่อนอย่างพวกมึง สัญญาว่าจะไม่ลืมกันยังไงเพื่อนก็คือเพื่อน จำไว้นะ
เพื่อนกันตลอดไป
เพื่อน
คำว่า " เพื่อน" เขียนอย่างไร ความหมายก็ย่อมเหมือนเดิม
เพื่อน..คือ
คนแปลกหน้าคนแรก.....ที่ทำให้เรารู้จักความรัก...นอกเหนือจากคนในครอบครัวที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เกิด..เพื่อน...โผล่หัวมาตอนโต
เป็นใครไม่รู้ จู่ๆวันหนึ่งเราก็รักมัน ความรักเพื่อน
เป็นความรักที่น่าเคารพยกย่อง...แต่ต้องเป็นเพื่อนแท้ด้วยน่ะ
เพื่อนจะรักกันแบบพอๆดี ไม่หวง ไม่หึง ไม่ต้องการอะไรตอบแทน เรารักกันสบายๆ
มีปัญหาอะไรปรึกษากัน มีเรื่องเดือดร้อนช่วยกัน แต่ในขณะเดียวกัน...ต่างคน
ต่างก็มีโลกของตัวเอง เธอมีแฟนฉันไม่ว่า เธอสนุก...ของเธอไป
เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน ไม่ต้องมาเจอกัน ก็ยังห่วงกัน คิดถึงกัน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ ถ้ามั่นใจว่าเจอเพื่อนแท้แล้ว เชื่อเถอะว่า
ไม่ว่าเราจะห่างกันยังไง เราจะคิดถึงกัน
และเราจะไม่มีวันเลิกคบกัน...เพราะเธอมีไปแฟน...มีเพื่อนใหม่
ต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่ ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้...มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
คนบางคนบอกว่า คุยกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง แต่คุยกับแฟน...กับพ่อแม่ได้บางเรื่อง
นี่แหละที่มันเป็นความรักที่ประหลาด แต่งดงาม
มันมีความเข้าใจ...ไว้ใจ...เชื่อใจ...ในจุดสมดุล
ฤดูกาลผันผ่าน อาจเปลี่ยนวันวานไปได้
แต่ตราบใดภาษายังไม่เปลี่ยนไป
คำว่า " เพื่อน" เขียนอย่างไร ความหมายย่อมเหมือนเดิม
*************Friend Foever**************
By
Thanyatorn Punpurtthinun
Date. 12 July 2004
Mook's promise
todaY
พิมไทยนะลิทแกไม่ต้องสนใจก้อได้แต่อยากเม้าส์วะคันๆๆ
วันนี้ช้านพบยูเรกามาอะ
ชั้นค้นพบตัวเองวะ
มันเหมือนกะว่าช้านอะเคยเลวมากๆตอนนี้ก้อยังนิดนึงอยู่อะนะ
แบบว่าเลวชอบงี่เง่าไรงี่มากๆๆซะด้วยนะยะ ขอบอก
ลงที่เพื่อนคนนึงตลอดๆ
ชั้นว่าแกรู้มาเยอะจากเอมี่แน่เลย
ที่ช้านโวยใส่มันอีกละ
เห็นอะดิ
มีปันหาในการควบคุมอารมอย่างแรงวะ
ไม่นิ่งเลย
ปัญหาของช้าน
แต่ที่ค้นพบไม่ใช่ปัญหานั้น เป็นอีกอันวะ
เราว่าเราเป็นคนไม่ยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตมั้งอะถ้าคาดหวังแล้วแย่ก้อเลวงี่เง่าอีกแล้ว
คนเราถ้าไม่รู้ปัญหาตัวเองแล้วจะบรรลุได้ไงละ
เราอยากสมบูรณืแบบก่อนไปทำงานสนามจิงวะ
ยกเว้นเรื่องอ้วน
เรากะลังจะเริ่มแล้ว
พุ่งนี้ละ
แกไหนๆๆก้อชอบเสือก(อิอิ)อยู่แล้วก้อเป็นพยานด้วยละ
พิมไทยนะลิทแกไม่ต้องสนใจก้อได้แต่อยากเม้าส์วะคันๆๆ
วันนี้ช้านพบยูเรกามาอะ
ชั้นค้นพบตัวเองวะ
มันเหมือนกะว่าช้านอะเคยเลวมากๆตอนนี้ก้อยังนิดนึงอยู่อะนะ
แบบว่าเลวชอบงี่เง่าไรงี่มากๆๆซะด้วยนะยะ ขอบอก
ลงที่เพื่อนคนนึงตลอดๆ
ชั้นว่าแกรู้มาเยอะจากเอมี่แน่เลย
ที่ช้านโวยใส่มันอีกละ
เห็นอะดิ
มีปันหาในการควบคุมอารมอย่างแรงวะ
ไม่นิ่งเลย
ปัญหาของช้าน
แต่ที่ค้นพบไม่ใช่ปัญหานั้น เป็นอีกอันวะ
เราว่าเราเป็นคนไม่ยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิตมั้งอะถ้าคาดหวังแล้วแย่ก้อเลวงี่เง่าอีกแล้ว
คนเราถ้าไม่รู้ปัญหาตัวเองแล้วจะบรรลุได้ไงละ
เราอยากสมบูรณืแบบก่อนไปทำงานสนามจิงวะ
ยกเว้นเรื่องอ้วน
เรากะลังจะเริ่มแล้ว
พุ่งนี้ละ
แกไหนๆๆก้อชอบเสือก(อิอิ)อยู่แล้วก้อเป็นพยานด้วยละ
Kan message (2005)
Hey,Hey!! Wassup?
yesterday,my class was finish!!But,i don't have any plan....
What should i do?? What do i have to do?? Could you give me some advice!!?
Now l'm thinking if i get a job.i don't wanna work in cleaner.So i'll search seller job.
This is fuck'in topic!!!!!!!!!Lastweek,i heard that Thai girls move in our house in when Christian was leav'in .But they cancelled it!!
After then,(about a week later) they've called NIMO again and they've said that i wanna move in your house....Ofcorse NIMO said you can move in.And then, they cancelled again and again ......on last sat'day. But they'll move in this tue'day...Maybe, i think they're not sure!!
Anyway, Fuck'in bitch!! Also you think fuck!! don't you??
Love
your boyfriend "kan" ; )
Hi mate :)
My teacher give me an idea which is very helpful about what should you do next, all you need is just a piece of paper, pen and the most important part is YOUR BRAIN. First, point at the middle of the paper and write the position that you are now eg. student , your level, where are you, etc. Then draw lots of lines in the same amoung as what you think that you can do at this time, eg. go back to Japan, study more, work, etc. After that, choose one, if you select to go back to Japan, draw more line from that point, eg. study in a uni , work full time. But if your selection is study, what kind of thing do you wanna learn, more Eng or uni there. If you don't wanna choose both of that and your choice is work, what kind of job do you wanna do, a job that can improve your Eng or not, if not, cleaner is a good idea because you can get a good paid. But if the answer is "yes", may be a seller, work in a restaurant, be a volunteer that can improve your Eng if money is not a matter. may be you be a member of GreenPeace that protect an Environment is a good idea, may be you don't get any money but your Eng can be improved very fast :)
or may be find another boyfriend???? :)
Hate :p
Lit
yesterday,my class was finish!!But,i don't have any plan....
What should i do?? What do i have to do?? Could you give me some advice!!?
Now l'm thinking if i get a job.i don't wanna work in cleaner.So i'll search seller job.
This is fuck'in topic!!!!!!!!!Lastweek,i heard that Thai girls move in our house in when Christian was leav'in .But they cancelled it!!
After then,(about a week later) they've called NIMO again and they've said that i wanna move in your house....Ofcorse NIMO said you can move in.And then, they cancelled again and again ......on last sat'day. But they'll move in this tue'day...Maybe, i think they're not sure!!
Anyway, Fuck'in bitch!! Also you think fuck!! don't you??
Love
your boyfriend "kan" ; )
Hi mate :)
My teacher give me an idea which is very helpful about what should you do next, all you need is just a piece of paper, pen and the most important part is YOUR BRAIN. First, point at the middle of the paper and write the position that you are now eg. student , your level, where are you, etc. Then draw lots of lines in the same amoung as what you think that you can do at this time, eg. go back to Japan, study more, work, etc. After that, choose one, if you select to go back to Japan, draw more line from that point, eg. study in a uni , work full time. But if your selection is study, what kind of thing do you wanna learn, more Eng or uni there. If you don't wanna choose both of that and your choice is work, what kind of job do you wanna do, a job that can improve your Eng or not, if not, cleaner is a good idea because you can get a good paid. But if the answer is "yes", may be a seller, work in a restaurant, be a volunteer that can improve your Eng if money is not a matter. may be you be a member of GreenPeace that protect an Environment is a good idea, may be you don't get any money but your Eng can be improved very fast :)
or may be find another boyfriend???? :)
Hate :p
Lit
Just stop and you will found the thing you want (quote)
"บางครั้งเรายิ่งค้นหาสิ่งที่เราต้องการ แต่มันกลับวิ่งหนีเราไกลออกไป แต่ถ้าเรา
หยุดค้นหาสิ่งที่ต้องการเหล่านั้น มันกลับจะปรากฎให้เราได้สัมผัสอย่างใกล้ๆ
ลองเถอะ..ลองหยุดตามหามัน แล้วเราจะพบมันอย่างน่าอัศจรรย์......."
หยุดค้นหาสิ่งที่ต้องการเหล่านั้น มันกลับจะปรากฎให้เราได้สัมผัสอย่างใกล้ๆ
ลองเถอะ..ลองหยุดตามหามัน แล้วเราจะพบมันอย่างน่าอัศจรรย์......."
Subscribe to:
Posts (Atom)